ความแตกต่างของรองเท้าวิ่งเทรลและรองเท้าวิ่งธรรมดา เลือกแบบไหนดี?

ความแตกต่างของรองเท้าวิ่งเทรลและรองเท้าวิ่งธรรมดา เลือกแบบไหนดี?

ระหว่างรองเท้าวิ่งเทรลและรองเท้าวิ่งธรรมดา รองเท้าแบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ

 

 

รองเท้าวิ่งนั้นมีหลากหลายประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าสำหรับการวิ่งบนพื้นถนน, พื้นสนาม, วิ่งแบบ Trail หรือการวิ่งผสมผสาน โดยในแต่ละประเภทนั้นก็จะมีจุดสังเกตและการออกแบบดีไซน์ของรองเท้าวิ่งแตกต่างกันออกไป การเลือกรองเท้าให้เหมาะกับประเภทการใช้งาน จะช่วยให้สามารถเลือกรองเท้ามาใช้งานได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด อีกทั้งยังช่วยเสริมประสิทธิภาพในการวิ่งได้อย่างเต็มที่ และยังช่วยทำให้เราสามารถลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้จากการวิ่งอีกด้วย รองเท้าวิ่งเทรลกับรองเท้าวิ่งธรรมดานั้นก็มีความแตกต่างการในเรื่องของการออกแบบและการรองรับกับแรงกระแทก พื้นผิว และสรีระของร่างกายที่แตกต่างกัน

 

ความแตกต่างของรองเท้าวิ่งเทรลกับรองเท้าวิ่งธรรมดา

สำหรับรองเท้าวิ่งแบบธรรมดา ที่มักพบเห็นได้โดยทั่วๆ ไปนั้น มักจะเป็นรองเท้าสำหรับการวิ่งบนพื้นถนน หรือ พื้นสนาม โดยจะมีดีไซน์ของพื้นรองเท้าที่เรียบและค่อนข้างหนา น้ำหนักเบา อีกทั้งยังมีการระบายอากาศที่ค่อนข้างดี และค่อนข้างมีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับแรงกระแทกที่เกิดขึ้นจากการวิ่งได้ ส่งผลให้สามารถวิ่งได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากการวิ่งบนพื้นแข็งๆ ได้ดีอีกด้วยด้วย รองเท้าวิ่งเทรลนั้น ออกแบบมาเพื่อให้สามารถวิ่งบนพื้นที่ขรุขระได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งบนดิน หิน หรือโคลน โดยจุดสังเกตหลักๆ ของรองเท้าวิ่งเทรลก็คือ มักจะมีปุ่มตรงตรงบริเวณของพื้นรองเท้า เพื่อช่วยในการยึดเกาะและป้องกันการลื่นในขณะที่กำลังวิ่ง โครงสร้างของรองเท้าวิ่งเทรลจึงมีความแข็งแรง เพื่อช่วยป้องกันเท้าของผู้สวมใส่จากเศษหิน ดิน ราไม้ รวมไปถึงการการฉีดขาดการจากขูดหรือขีดกับสิ่งกีดขวางต่างๆ ด้วย

 

ข้อแตกต่างระหว่างรองเท้าวิ่งเทรลและรองเท้าวิ่งธรรมดา

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่ารองเท้าวิ่งแบบธรรมดากับรองเท้าวิ่งเทรลนั้น มีการดีไซน์และวัตถุประสงค์สำหรับการวิ่งที่แตกต่างกัน หากเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างกันชัดๆ ก็สามารถแบ่งออกได้ ดังนี้

 

  1.  การออกแบบดีไซน์
    รองเท้าวิ่งแบบธรรมดาจะมีการออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นที่สูง สวมใส่ได้กระชับรับกับสรีระเท้าของผู้สวมใส่ ตัวพื้นรองเท้าจะมีการออกแบบมาให้หนา โดยเฉพาะในส่วนของบริเวณส้นเท้าที่มีความหนาหรือสูงกว่าส่วนของปลายเท้า ส่วนกลางเท้าจะมีความเว้า เพื่อรองรับกับการกระแทกที่เกิดขึ้นในขณะที่กำลังวิ่ง อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่เบาและระบายอากาศได้ดี เพื่อช่วยให้การวิ่งระยะทางไกลหรือวิ่งเป็นเวลานานนั้นมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังช่วยลดอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในขณะวิ่ง

    ส่วนรองเท้าวิ่งเทรลนั้น มีการออกแบบดีไซน์ที่คล้ายคลึงกัน แต่จะมีจุดสังเกตหลักๆ เลยก็คือส่วนของดอกยางที่พื้นรองเท้า โดยอาจมีการออกแบบมาให้มีความห่างกันและชิดติดกัน ขึ้นอยู่กับประเภทของการวิ่งเทรล เช่น การออกแบบให้ดอกยางมีความสูงและอยู่ห่างกันนั้น เหมาะสำหรับการวิ่งบนพื้นโคลน, การออกแบบดอกยางให้มีความสั้น และอยูชิดติดๆ กันนั้น เหมาะสำหรับการวิ่งทางดินที่เรียบ แห้ง หรือจะเป็นการออกแบบดอกยางแบบที่มีความอเนกประสงค์เพื่อให้เหมาะกับทุกสถานการณ์ เป็นต้น นอกจากนี้รองเท้าวิ่งเทรลยังมีส่วนของการเพิ่มแผ่นกันหิน, เสริมยางสำหรับป้องกันนิ้วเท้า รวมไปถึงเนื้อผ้าที่มีความหนา และมีความแข็งของรองเท้า เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนต่างๆ รวมไปถึงป้องกันไม่ให้เท้าบิดตัว ไม่ทำให้เท้าพลิกเวลาที่ต้องวิ่งเหยียบหิน

  2. น้ำหนัก
    ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าวิ่งแบบธรรมดาหรือรองเท้าวิ่งเทรลต่างก็มีการออกแบบมาให้น้ำหนักที่เบา ไม่ทำให้รู้สึกหนักเท้าหรือรู้สึกลำบากเมื่อต้องวิ่งระยะเวลานานๆ แต่รองเท้าวิ่งเทรลนั้นจะมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะในส่วนของพื้นรองเท้าที่มีดอกยาง เพื่อรองรับกับการวิ่งบนพื้นหิน ดิน หรือโคลน ส่งผลให้หากนำรองเท้าวิ่งเทรลมาวิ่งบนพื้นถนนหรือทางเรียบทั่วๆ ไป ก็จะทำให้มีความคล่องตัวที่น้อยกว่ารองเท้าวิ่งแบบธรรมดานั่นเอง

  3. ความมั่นคงและการรองรับการกระแทก
    ความมั่นคงและการรับแรงกระแทกนั้น สำหรับรองเท้าวิ่งธรรมดาที่เหมาะสำหรับการวิ่งบนทางเรียบ พื้นถนน หรือพื้นสนามนั้น จะมีความยืดหยุ่นที่มากกว่ารองเท้าวิ่งเทรลส่งผลให้ หากนำรองเท้าวิ่งธรรมดามาวิ่งบนพื้นที่มีความขรุขระ ไม่ว่าจะเป็น โคลน หิน หรือดิน จะทำให้มีความลื่น ขาดความมั่นคงในการยึดเกาะ ในทางกลับกันเมื่อนำรองเท้าวิ่งเทรลมาวิ่งบนพื้นทั่วไปนั้น ก็จะเกิดแรงกระแทกที่มากกว่าการสวมรองเท้าวิ่งแบบธรรมดา เพราะรองเท้าวิ่งเทรลมีลักษณะที่แข็งกว่า และยืดหยุ่นได้น้อยกว่า อีกทั้งยังส่งผลให้การวิ่งบนพื้นสนามหรือพื้นถนนไม่มีความมั่นคงเท่ากับการสวมใส่รองเท้าวิ่งธรรมดาด้วย

  4. การยึดเกาะพื้นผิว
    รองเท้าวิ่งเทรลมีการออกแบบดีไซน์มาให้เหมาะสำหรับการยึดเกาะกับพื้นผิวที่มีความขรุขระ หากนำมาใช้สวมใส่วิ่งบนพื้นสนามหรือพื้นถนนที่มีความเรียบ จะทำให้การยึดเกาะกับพื้นผิวนั้นไม่สามารถทำได้ดีเท่าที่ควร ค่อนข้างลื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องวิ่งบนพื้นสนามที่มีน้ำขังจากฝนตก ก็จะส่งผลให้ลื่นมากยิ่งขึ้น เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บได้ ในขณะเดียวกันหากสวมใส่รองเท้าวิ่งแบบธรรมดาที่มีพื้นรองเท้าที่ออกแบบมาสำหรับการยึดเกาะพื้นผิวที่เรียบ ไม่ขรุขระมากนั้น ก็จะทำให้ขาดการยึดเกาะที่ดี ลื่นและส่งผลให้เท้าพลิกได้ง่าย เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บได้เช่นเดียวกัน

  5. การระบายอากาศ
    อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ ว่ารองเท้าวิ่งแบบธรรมดานั้น ออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นและสามารถระบายอากาศได้ดี แต่ในขณะเดียวกันรองเท้าวิ่งเทรลได้รับการเสริมแผ่นสำหรับป้องกันรอยขีดข่วน หรือการกระแทก ทำให้มีความแข็งและยืดหยุ่นได้น้อยกว่า ส่งผลให้การระบายอากาศนั้นทำได้ไม่ดีเท่ากับรองเท้าวิ่งแบบธรรมดา

 

และทั้งหมดนี้ก็คือข้อแตกต่างระหว่างรองเท้าวิ่งเทรลกับรองเท้าวิ่งธรรมดา สำหรับการเลือกซื้อนั้น ควรเลือกซื้อให้เหมาะสมกับการนำไปใช้งาน เช่น ผู้ที่ชอบการวิ่งเทรลหรือเน้นการวิ่งบนพื้นที่ที่มีความขรุขระเป็นส่วนใหญ่นั้นก็เหมาะกับรองเท้าวิ่งเทรลมากกว่า แต่หากเป็นพื้นที่สนาม หรือสวนสาธารณะ หรือพื้นถนนทั่วๆ ไป นั้นรองเท้าวิ่งแบบธรรมดาก็เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับการวิ่งที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของประสิทธิภาพในการวิ่ง รวมไปถึงการกระแทกและลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการบาดเจ็บด้วยนั่นเอง

 

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.rev.co.th
ติดต่อ : https://www.rev.co.th/contact-us
Line: https://lin.ee/PCz490D
Facebook : https://www.facebook.com/sportsrev.th
Instagram : https://www.instagram.com/rev.runnr