สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายโดยการวิ่งสิ่งที่สำคัญและไม่ควรละเลยนั่นก็คือการเลือกอุปกรณ์วิ่งอย่างรองเท้าวิ่งให้เหมาะสมกับลักษณะการวิ่งนั่นเองโดยสามารถแบ่งประเภทของรองเท้าออกเป็นสามประเภทหลัก ได้แก่ รองเท้าวิ่งถนน รองเท้าวิ่งเทรล และรองเท้าตะปู เพราะอย่าลืมว่าถึงแม้ว่าการวิ่งจะเป็นหนึ่งในการออกกำลังเพื่อสร้างกล้ามเนื้อหรือเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง แต่การวิ่งนั้นเสมือนเป็นการลงน้ำหนักตัวทั้งหมดกระแทกที่ไปหัวเข่า ข้อเท้า และฝ่าเท้าโดยตรงซึ่งอาจส่งผลร้ายตามมาอย่างอาการบาดเจ็บบริเวณเท้าขณะวิ่งหรือหลังวิ่งได้ ดังนั้นการที่เรารู้จักเลือกประเภทของรองเท้าให้เหมาะสมกับการวิ่งจะช่วยลดอุบัติเหตุในการบาดเจ็บเบื้องต้นได้ วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับอุปกรณ์วิ่งอย่างส่วนประกอบ ประเภท และวิธีการเลือกรองเท้าวิ่งอย่างถูกวิธี
ถ้าหากจะแบ่งตามความนิยมจะสามารถแบ่งประเภทของรองเท้าวิ่งได้สามประเภทหลักแต่ทั้งสามประเภทนี้ยังสามารถแบ่งย่อยออกเป็นห้าประเภทด้วยกันซึ่งประกอบไปด้วยดังนี้
1. รองเท้าวิ่งถนน (Road running shoes) โดยสามารถแบ่งย่อยได้อีกสามประเภทตามลักษณะของการใช้งานดังต่อไปนี้
- รองเท้าซ้อมทุกวัน (Daily Trainers) : มีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณข้างละ 280 กรัมเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ซ้อมวิ่งหรือออกกำลังกายวิ่งเป็นประจำแต่ไม่แนะนำถ้าหากต้องการวิ่งเร็วในระยะทางไกล รองเท้าวิ่งประเภทนี้จะมีลักษณะที่นุ่มอยู่ในระดับปานกลางจนถึงระดับนุ่มมาก
- รองเท้าวิ่งตัวซ้อม (Lightweight Trainers) : มีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณข้างละ 200-270 กรัมเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซ้อมวิ่งทำความเร็วเพราะมีความนุ่มอยู่ในระดับที่สูง
- รองเท้าวิ่งตัวแข่ง (Competition shoes/Race day shoes) : มีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณข้างละ 150-230 กรัมเหมาะสำหรับผู้ที่ลงแข่งขันกีฬาวิ่งโดยมีการออกแบบให้รองรับแรงกระแทกบนพื้นถนนได้ดี มีทั้งในลักษณะรองเท้าวิ่งพื้นบางเหมาะสำหรับการวิ่งระยะสั้น 5-10 กิโลเมตรและในลักษณะรองเท้าวิ่งพื้นหนาเหมาะสำหรับการวิ่งระยะไกล 21-42 กิโลเมตร
2. รองเท้าวิ่งเทรล/รองเท้าเดินป่า (Trail Shoes) : มีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณข้างละ 250-400 กรัม สำหรับรองเท้าวิ่งเทรลจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวิ่งในเส้นทางที่พื้นผิวขรุขระหรือทุรดันดาร ผู้ที่ต้องการใช้งานสามารถเลือกประเภทของรองเท้าวิ่งเทรลได้หลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น รองเท้าวิ่งเทรลพื้นบางเบาจะเหมาะสำหรับการแข่งวิ่งในทางทุรดันดาร หรือรองเท้าวิ่งเทรลที่มีลักษณะคล้ายกับรองเท้าบูทซึ่งจะมีลักษณะหนาเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินบนป่าเขาจะช่วยป้องกันเท้าขณะเดินหรือวิ่งได้เป็นอย่างดี
3. รองเท้าตะปู (Spikes) : มีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณข้างละไม่เกิน 150 กรัมถือเป็นรองเท้าวิ่งที่มีน้ำหนักเบาที่สุดโดยมีลักษณะที่มีเหล็กแหลมบริเวณหน้าเท้าจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวิ่งเร็วในระยะเวลาอันสั้นเพราะรองเท้าวิ่งประเภทนี้จะมีคุณสมบัติพิเศษในการยึดเกาะพื้นผิวถนนได้ดี
เมื่อเราทราบถึงประเภทของอุปกรณ์วิ่งอย่างรองเท้าวิ่งเบื้องต้นกันไปแล้วจะสังเกตได้ว่าไม่ว่าจะเป็นรองเท้าวิ่งประเภทรองเท้าทางเรียบ รองเท้าวิ่งเทรล หรือรองเท้าตะปูมักจะมีลักษณะที่คล้ายๆ กันนั่นก็คือจะมีลักษณะที่ ‘น้ำหนักเบา’ กว่ารองเท้าทั่วไป เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าหนึ่งในคุณสมบัติของรองเท้าวิ่งที่ดีคือต้องมีน้ำหนักเบา ในอดีตมีการทำวิจัยในเรื่องน้ำหนักของรองเท้าวิ่งว่าส่งผลต่อการวิ่งหรือไม่? คำตอบคือ การที่รองเท้าวิ่งยิ่งเบาจะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการวิ่งเร็วได้ถึง 100% โดยเฉพาะผู้ที่เป็นนักวิ่งมืออาชีพหากต้องการเลือกรองเท้าวิ่งสักคู่รับรองว่าผู้วิ่งต้องเลือกรองเท้าวิ่งที่มีน้ำหนักเบาแทนที่จะเลือกรองเท้าวิ่งที่มีน้ำหนักที่หนักกว่าเป็นแน่และเหตุผลเพิ่มเติมที่ว่าทำไมรองเท้าวิ่งที่ดีควรมีน้ำหนักเบามีดังต่อไปนี้
- ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในขณะที่วิ่งหรือเดิน
- ลดความรู้สึกหน่วงที่บริเวณเท้าขณะที่วิ่งได้ดี
- สามารถช่วยเพิ่มความเร็วในขณะที่วิ่งได้
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งได้มากขึ้น
สิ่งสำคัญที่ทำให้รองเท้าวิ่งนั้นมีน้ำหนักเบานั้นก็คือวัสดุที่ใช้ในการผลิตรองเท้าวิ่งนั้นที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆทำให้สามารถผลิตวัสดุที่สามารถมาทนทานวัสดุเดิมทำให้มีน้ำหนักเบาขึ้นแต่คุณภาพการทำงานยังเหมือนเดิม เช่นการนำโฟม EVA เข้ามาใช้ ซึ่งตัวโฟม EVA เป็นตัวรองรับแรงกระแทกขณะวิ่งหรือเคลื่อนไหวร่างกายในแนวดิ่งได้ดีกว่าวัสดุอื่นๆ
1. เลือกประเภทของอุปกรณ์วิ่งให้เหมาะกับกับลักษณะการวิ่ง อาทิเช่น รองเท้าซ้อมทุกวัน, รองเท้าวิ่งตัวซ้อม, รองเท้าวิ่งตัวแข่ง, รองเท้าวิ่งเทรล /รองเท้าเดินป่า หรือรองเท้าตะปู เป็นต้น สามารถสอบถามรายละเอียดรองเท้าในรูปแบบต่างๆ เพิ่มเติมหรือสอบถามราคาได้ที่นี่
2. เลือกรองเท้าวิ่งที่เหมาะสมกับลักษณะเท้าของเรา อาทิเช่น เท้าปกติ เท้าแบน หรืออุ้งเท้าสูง การเลือกที่เหมาะสมกับเท้าจะช่วยให้การวิ่งของเรามีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดอาการเสียดสีในขณะวิ่งได้อีกด้วย
3. สามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี หลายคนมักเข้าใจผิดว่าการวิ่งนั้นสามารถใช้รองเท้าผ้าใบทั่วไปในการวิ่งได้ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีข้อบังคับว่าถ้าหากต้องการวิ่งต้องใช้รองเท้าวิ่งโดยเฉพาะ แต่การเลือกใช้รองเท้าวิ่งที่ตรงกับลักษณะการวิ่งนั้นจะช่วยลดแรงกระแทกได้ดีเพราะมีการออกแบบพื้นรองเท้าที่นุ่มและเบากว่ารองเท้าผ้าใบทั่วไป ทั้งนี้ยังช่วยลดอาการบาดเจ็บขณะวิ่งได้อีกด้วย
4. เลือกรองเท้าวิ่งที่มีน้ำหนักเบาและระบายอากาศได้ดี การที่รองเท้าวิ่งมีน้ำหนักเบาจะช่วยลดอาการหน่วงขณะที่วิ่งได้อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการวิ่งได้อีกด้วย นอกจากนั้นควรมีลักษณะที่ระบายอากาศได้ดีเพื่อลดปัญหาความอับชื้นที่อาจส่งผลให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ขึ้นได้
REV RUNNR ผู้นำเข้าและจำหน่ายสินค้าในกลุ่มสปอร์ต (Sportswear and Footwear) จากแบรนด์ชั้นนำมากมาย ทั้งเสื้อผ้า รองเท้าวิ่งเทรล รองเท้าวิ่งมาราธอน รองเท้าบาสเกตบอล และอุปกรณ์วิ่งอื่น ๆ สำหรับทุกเพศ ทุกวัย ให้คุณเตรียมความพร้อมได้ทั้งตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนลงวิ่งวัดใจในงานมาราธอนครั้งหน้า ดูรายละเอียดและสั่งซื้อสินค้าทั้งหมดได้ที่ www.rev.co.th หรือแชทติดต่อรับคำปรึกษาและช็อปปิ้งผ่าน LINE @sportsrev ได้เลย
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.rev.co.th
ติดต่อ : https://www.rev.co.th/contact-us
Line: คลิกเพิ่มเพื่อน
Facebook : https://www.facebook.com/sportsrev.th
Instagram : https://www.instagram.com/rev.runnr